Monday, April 19, 2010

ขอสักนิด

เขียนสักหน่อย

ช่วงนี้เป็นบ่อยนะ

กำลังหัวเราะอยู่

จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมาทั้งๆ ที่หัวเราะเเบบนั้นเลย

ออกมาเยอะซะด้วยแฮะ

ทั้งๆ ที่ยังยิ้มหัวเราะอยู่เลย ฮ่ะๆๆ

เเต่ไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจหรอกนะ

ก็ตอนนี้มันไม่มีเรื่องอะไรให้ดีใจนี้นา ฮ่าๆๆ

เเต่เกิดมาไม่เคยเจอกับตัวเองแฮะ

หัวเราะไปร้องไห้ไป 555+

Lastly...

do you think it's stupid to cry if you missed someone so much?

I think it would be weird.. but I already did it >_>"""

Friday, April 9, 2010

10 minutes writing

no video games
no reading novels
no reading mangas
no picture viewings
no movie watchings
no listening to musics
no browsing websites
no chatting
no download
no searching
nothing
except just do the hell practices for the score tests

no wasting fu**ing time for each second, you must use every second for your fu**ing studying

you're the one fu**ing wasting time!!!

there's no choice for me to do anything

right?

right??

RIGHT????????????????

I'll just have to be repeated in this cycle until I failed all tests and no college accepts me right??

YES, and it has been like this for..7 years

what could I have been doing instead of those times in these 7 years?

At least I'm sure it's more USEFUL than these crap ******* tutorings

yes, and there are more crap lifes than mines out there, I know

and i've said this blog is for me to blabber

I wonder, why is it that when sometimes something good happens to me, when it pulls me up from the ground.. immediately something bad will happen to me, and it will just stomp me to the ground

this is..human right?

Thursday, April 8, 2010

เลือกเรียนได้เเล้ว (เตือน: พล่ามยาวมากๆ)

ตั้งเเต่ปีใหม่

มะรุทำไมเหมือนกัน

คงเพราะเพื่อนๆ รอบตัวเริ่มพูดถึงว่าจะเรียนต่อที่ไหนเเล้วมั้ง

ถึงได้ทำให้ผมเริ่มคิดว่าจะทำไงต่อดี

ตั้งเเต่ย้ายโรงเรียนมาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับอนาคตหรอก (ทั้งๆ ที่ก่อนย้ายมาก็มีเป้าหมายชัดเจนไว้เเล้ว)

ตั้งเเต่ย้ายโรงเรียนมาก็มีอคติในเเง่ลบไปซะทุกอย่าง

จนผลก็ตามมาเอง

เพื่อนๆ ที่ดีๆ ที่ควรรู้จักตั้งเเต่ปีเเรกที่ย้ายเข้ามาก็กลับไม่ได้รู้จัก

เธอคนนั้นที่ย้ายเข้ามาโรงเรียนนี้ปีดีกันก็ไม่ได้รู้จัก เพราะผมมัวเเต่ปิดกั้น

มัวเเต่หมกเก็บตัวอยู่ในห้องน้ำทุกครั้งที่ออกมาจากห้องเรียน

จนตนปีนี้ เพื่อนๆ ผมก็เริ่มวางเเผนกันว่าจะเรียนต่อที่ไหนอย่างไร

มีคนอยู่เมืองไทยกว่าครึ่ง อีกหลายคนจะไปเรียนต่อเมืองนอก.. เธอคนนั้นก็รวมอยู่ด้วยเช่นกัน

ผมก็เคยถามเขาอยู่ ว่า จะไปเรียนต่อที่ไหน

เขาก็บอกว่าประเทศอังกฤษ

เเล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ ยกเว้นว่าช่วงที่เขาไปเรียนผมต้องคิดถึงเขามากเเน่ๆ.. พวกเราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน เเล้วกลัดกลุ่มใจต่อไปอีกนานว่าเขาจะลืมผมไหมนะ พวกเราจะยังคุยเเบบปกติกันไหม พวกเราจะห่างเหินกันไหม บลาๆ

เเล้วเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนผมก็ถามเขาว่า

เเล้วเรียนจบ จะทำงานที่ไหนละ

เขาก็ตอบอีกว่าไม่ใช่เมืองไทยเเน่ๆ

ณ จุดนั้นผมก็เริ่มซึมเศร้า คิดเเต่เพียงว่า..

อยากอยู่กับเธอคนนั้น..

ก็ซึมไปหลายวันอยู่ทีเดียว

เเล้วผมก็โทรไปหาเพื่อนที่โรงเรียนเก่าบ้าง เล่าเรื่องนี้ เเล้วก็ฟังคำตอบ

เพื่อนที่โรงเรียนก็ด้วย ผมปรึกษารุ่นน้องคนหนึ่ง.. ว่าผมทำใจไม่ได้

เขาตอบผมมาว่า..

ถ้าได้เจอกันก็ต้องมีวันที่เเยกจากกัน เเละถ้ามีวันที่เเยกจากกันก็ต้องมีวันที่มาพบเจอกันอีก

อื้ม.. มันก็โอเคอยู่หรอก.. เเต่ที่จริงก็ไม่ได้ปลอบอะไรผมได้มากอานนะ _ _|||

จนกระทั้งวันหนึ่ง เธอก็ทักผม ว่าช่วงนี้ผมเป็นไร เงียบผิดปกติ (อา..นี้ขนาดพยายามทำตัวปกติ เเบบร่าเริงๆ เเล้วนะเนี่ย โดนจับได้จนได้ --'' เห็นเพื่อนบอกเวลาผมมีอะไรผิดปกตินี้..จะมีอะไรเเสดงออกทุกครั้ง)

ตอนเเรกผมก็ไม่กล้าบอกเธอ..

อีกเรื่องก็..ผมอยากบอกเธอว่าผมชอบเธอด้วย.. เเต่ผมไปถามเพื่อนๆสนิทมาว่า ควรพูดดีไหม สองคนก็บอกมาว่า อย่าเลย เพราะอาจไม่ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีก

เเต่ในวันนั้น (สองสามอาทิตย์เเล้วละ เเต่เพิ่งมีเวลามาเขียน --) ผมก็ตัดสินใจบอกเธอไป รวมทั้งเล่าเเล้วก็ถามเขาว่าผมควรทำไงดีกับอนาคตด้วย

ผมตัดสินใจบอกเธอว่าชอบไปด้วย ก็เพราะ..เท่าที่ผมรู้จักเธอมาครึ่งปี..ผมมั่นใจว่าเธอจะตอบรับยังไง.. เเล้วเธอก็ตอบรับเเบบนั้นจริงๆ ด้วย

เธอไม่ได้ว่าอะไร กลับตอบซะด้วยซ้ำว่า เขาเห็นผมเป็นน้อง เเละตัวเขาเป็นพี่

ตอนเเรกก็อยากขอเขาเป็นเเฟนอยู่หรอกนะ.. เเต่ผมคิดได้เเล้วว่าเเค่นี้น่ะ..เท่าที่ได้คุยกันเเละเล่นกันทุกวันนี้น่ะ ก็พอเเล้ว

ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอะไรไปกันมากกว่านี้หรอก (ในตอนเเรกผมอยากขอเป็นเเฟนเขา..เพราะผมอยากใช้เวลาอยู่กับเธอนานๆ..เพราะรู้ว่าพวกเราอาจมีเวลากันไม่ถึงปีด้วยกันซะด้วยซ้ำ..ก่อนวันที่ต้องจากกัน เเล้วที่ไม่กล้าบอกไป ก็เพราะเพื่อนเตือน เเล้วผมก็เห็นว่า..เขามีงานยุ่งมากๆๆๆๆๆ ด้วยเเหละ)

เอาละ..เเต่เรื่องนี้ก็จบไปเเล้ว ผมยังไงก็ต้องทำใจวันที่เขาจะไปให้ได้..ต้องทำให้ได้..ผมต้องเน้นย้ำมันอยู่ทุกวัน

ว่ามันไม่เป็นอะไรหรอก.. เขาจะไปได้ดี..ก็ให้เขาไปสิ เป็นเพื่อนที่ดีก็ต้องถีบเพื่อนรักไปเรียนเมืองนอกให้ได้สูงๆ สิ อย่าไปรั้งอะไรเขาไว้เลย

ส่วนผม (เพื่อนสนิทที่โรงเรียนเก่ามันเเนะนำมาว่า) ก็เรียนเก่งๆ จบออกมาหางานดีๆ ทำ เก็บตังค์ เเล้วก็ไปหาเขาดิ๊

มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมุ่งมั่นตอนนี้

จากปกติที่ผมไม่เคยหาอะไรเกี่ยวกับมหาลัยดูเลย เเม้นกระทั้งสมัครสอบผมก็ไม่เคยเเตะต้องเขาไปดูว่าสมัครยังไง (ปกติพ่อทำหมด)
ผมก็ขอพ่อไปเมื่อเดือนก่อนว่าขอลิงค์เวปหมดเลย ต่อไปนี้ผมจะทำเอง

เเล้วผมก็ไปคุยกับเพื่อนๆ ด้วยว่าควรเข้าที่ไหนดี

ไปๆมาๆ เพื่อนผมคนหนึ่งมันเขา BSAC ได้ (เคมีประยุกธ์) คณะวิทยศาสตร์อินเตอร์ของจุฬา

ผมก็เลยกะว่าจะเข้าบ้าง เพราะตอนนี้ หลังจากที่ได้รู้จักรุ่นน้องในห้องเรียนเคมีที่น่ารักมากๆ (ทั้งหน้าตากับนิสัยนี้เเหละ แฮะๆ ^_^) ผมก็พลิกเกรดจากเทอมก่อน ตกทุกสอบ มาได้คะเเนนเต็มทุกสอบเลยทีเดียว

พอผมตัดสินใจไปบอกพ่อกับเเม่

พวกเขาก็...

ไม่อยากให้ผมเรียน

บอกว่าคนจบจากคณะวิทย์หางานยาก

เเล้วมันก็ไม่ได้ไปกบัโรงงานของพ่อด้วย

พวกเขาก็เอาเหมือนเดิม

วิศวะ.. (คงตัดหมอเพราะไม่เห็นหวังในตัวผมเเล้วละ)

อะไรกันนะ

ผมก็ไม่ได้เกลียดฟิสิกส์นะ เเต่ก่อนชอบซะด้วยซ้ำ

เเต่อยากยัดอะไรๆ ก็วิศวะๆๆๆๆๆ จนผมเบื่อเเล้วนะ!!!

เรื่องเรียนพิเศษก็เหมือนกัน

ครั้งเเรกที่ผมเรียนพิเศษคือตอนปิดเทอมป.4

เรียนกับคุณครูเลขที่ยังสอน ณ ปัจจุบัน

คุณครูคนนี้สอนผมได้ดีมาก เเล้วผมก็รักครูคนนี้มากเช่นกัน

พอป.5 ผมโดนจับไปติวของฝั่งไทยครั้งเเรก จำไม่ได้ว่ายังไง เเต่เรียนเสาร์อาทิตย์ ประมาณวันละ สี่ชม.

เเล้วก็เลิกเรียนไอ้นี้ไปประมาณ ขึ้นม.1

เเล้วหลังจากนั้นผมก็ต้องไปเรียนพิเศษตามที่ต่างๆ ตามวิชาไป ก็เรื่อยๆ เรียนทุกเสาร์อาทิตย์

ผมก็ทำตามเเต่โดยดี

ทั้งๆ ที่ เรียนไปไม่มีอะไรเข้าหัวเลย

พูดตรงๆ ว่าเนื้อหา วิธีสอน ความลึก การจัดสอน.. ของฝั่งไทยกับอินเตอร์.. ไม่เหมือนกันสักนิด

ถึงจะเหมือน เเค่ก็ไม่ได้เรียนของชั้นเดียวกัน

อย่างผมเรียนตอนนี้เรื่อง ดิฟ ของคัลคูลัสตอนม.5 เเล้ว ทั้งๆ ที่ฝั่งไทยเรียนตอน ม.6

เเล้วอื่นๆ อีกมากมายที่บางทีผมเรียนเร็วกว่าฝั่งไทย เเละช้ากว่าฝั่งไทย..

ก็เรียนไป..

จนย้ายมาโรงเรียนใหม่

ผมก็โดนจับไปเรียนที่ใหม่ เป็นตึกที่เรียกตึกวรรณสร (คงสะกดผิดจำไม่ได้) ที่เป็นศูยน์เรียนพิเศษที่ พยาไท 2 นั้นเอง..

ไม่มีอะไรมาก.. ผมต้องไปเรียนตั้งเเต่ 7 โมงเช้ายัน สามทุ่มกว่าๆ ทุกเสาร์อาทิตย์

ผมยอมไปจนประมาณ 3-5 เดือนผมก็ขอเลิก เพราะช่วงหลังเองผมก็เริ่มทนไม่ไหวกับการที่ต้องนั่งฟังคนพูดผ่านวีดีโอซึ้งผมไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ตามเขาไม่ทัน

จะหลับก็หลับไม่ได้ เพราะมีพี่พนักงานคอยเข้ามาสะกิดตลอดเวลา

ผมเองตอนหลังก็เริ่มโดดเรียนด้วย..

เเต่โดดไม่เกินสองครั้งก็โดนเเม่จับได้ซะเเล้ว orz

อา..พอเริ่มมาปีนี้ผมก็โดนจับยัดเรียน ฟิสิกส์กับลุง เคมีกับครูอีกคน

ปกติผมเรียนเลขทุกวัน ทำให้ผมได้ทำเลขอยู่บ่อยๆ

จนประมาณสองเดือนนี้ผมโดนวิชาอื่นเบียดเวลาเรียนเลข

คะเเนนตกฮวบเลย _ _|| (จาก B+ เป็น D-) ติด F อยู่งหลายสอบเหมือนกัน orz.. (ผมร้องไห้เลยอะช่วงนั้น..เพราะถ้าผมไม่ได้เลข...มันก็ไม่มีอะไรที่ผมจะได้เเล้วละ...)ยิ่งเทอมนี้เข้าเรื่องคัลคูลัส มันยิ่งต้องเพิ่มเวลาเรียนเลขไม่ใช่เรอะ TwT (ปกติผมเรียนกับครูเลขจะเรียนตามฝั่งไทย เพราะเลขที่โรงเรียนไม่มีปัญหา เเต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าผมต้องมานั่งติวเลขของที่โรงเรียนอย่างเดียวเลย) ตอนนี้คัลคูลัวผมมันไปถึงคัลคูลัสปีหนึ่งในมหาลันเเล้วงะ!! (เเถมเนื้อหา คำถามเเน่นกว่าอีก ==)

เเล้วผมก็มาคิดว่า..ถ้าผมเล่นเกม Mugen no Frontier EXCEED ที่ออกวันที่ 25 กุมภาเสร็จเมื่อไร..

ผมจะลดเล่นเกมให้ได้ (เลิกไม่ได้หรอกมันกลายเป็นของเสพผมไปซะเเล้ว..) เเล้วหันกลับมาอ่านหนังสือเหมือนเเต่ก่อนที่ผมทำช่วงอยู่โรงเรียนเก่า (เล่นอ่านทุกวิชาล่วงหน้า จดโน๊ตเอง เเล้วก็จดที่ครูเล่าเอง เเล้วก็ถามครูทุกคำถามที่สงสัยในห้องด้วย โอว้าว ผมทำไปได้ไงเนี่ย ตอนนี้เองผมก็ยังสงสัย --'')

ผมก็ไปคุยกับเเม่ว่า.. ทำยังไงดี พูดตรงๆ ผมเบื่อเรียนพิเศษบ้าบอคอเเตกพวกนี้เเล้ว

เวลาเดินทางไปกลับก็รวมอย่างต่ำ 2 ชม. (ยกเว้นครูเลขผมเขาอยู่ใกล้บ้านผมมากๆ) เเล้วก็เรียนไปอีกอย่างต่ำวิชาละ 2 ชม...

ปกติผมเป็นคนต้องนอนเยอะผิดปกติ..(ใครๆ ก็อยากนอนนิเนอะ?) จะนอนสามทุ่มทุกวัน เเล้วจะพยายามไม่ให้เกินสี่ทุ่ม

เเต่เดียวนี้ต้องนอนห้าทุ่มเป็นอย่างเร็ว เพราะกว่าจะกลับมาบ้านก็ปาไปสองทุ่มกว่าๆ เเล้ว..

ช่วงนี้นอนตีหนึ่งทุกวันซะด้วยซ้ำ เพราะกว่าจะกลับมาบ้าน กว่าจะทำการบ้านเสร็จ.. กว่าจะอ่านเนื้อหาบทเรียนที่ไม่เข้าใจ..(ส่วนมากอ่านเลข) ก็ปาไปเที่ยงคืนเเล้ว

ผมเลยบอกเเม่ว่า..จะทำยังดี.. ขอเลิกเรียนพิเศษได้ไหม.. เเล้วผมจะ (วงเล็บ: พยายาม) อ่านหนังสือเอง.. มันจะเข้าหัวมากกว่าคนอื่นที่สอนผมไม่รู้เรื่องอีก..

เเม่ผมก็..ประมาณว่ายังไม่เเน่ใจ...จากตัวผมที่ผ่านมาเขาไม่วางใจเท่าไร

เเต่เห็นผมมาพูดเเบบนี้ก็เลยขอคิดดูก่อน

จนกระทั้งเมื่อวาน

พ่อลงมาด่าผม

ว่าถ้าอยากเลิกเรียนพิเศษนักก็เลิกไปเลย (ผมงงมากๆ ว่าถ้าจะให้ผมเลิก เเล้วทำไมถึงต้องบังคับผมให้ไปเรียนจนกว่าจะสอบวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ด้วย?? เเล้วค่อยเลิก??)

ด่าไปอีกหลายอย่าง ผมพยายามไม่ฟัง

เเต่ก็ได้ความมาว่า "แกไม่มีอะไรที่เป็นเหมือนตระกูลกูเลย" (คือจะด่าอ้อมๆ ว่าผมไม่ควรเป็นลูกตระกูลพ่อสินะ)

ใช่สิ.. ลูกลุงก็เป็นหมอทั้งสองคน ลูกป้าก็เป็นวิศวะเรียนต่อเมืองนอกทั้งสองคน ลูกอาก็เข้าเตรียมใหญ่ได้ทั้งสองคน ส่วนลูกลุงฝั่งเเม่ก็เป็นเด็กเรียนคณิตเก่ง ได้ไปสอบเเข่งขันต่างประเทศนับต่อนับ

ใช่เซ่..พวกผมมันเเกะดำในตระกูล

เผลอๆ ตอนนี้ผมเป็นเเกะดำคนเดียวซะด้วยซ้ำ เพราะผมยังหาที่เรียนต่อไม่ได้นิ..

คิดเเล้วก็เซ็ง..

ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเรียนพิเศษ

เเต่มันเรียนไม่รู้เรื่องมาหลายปีเเล้วผมรู้สึกเสียดายเวลามากกว่า

อย่างน้อยก็ให้ผมใช้เวลาพวกนั้นเล่นเกมไปจนอวกส์กันเลย ผมอาจเบื่อเกมไม่อยากกลับมาเล่นอีกก็ได้

ไม่ก็เอาเวลาไปอ่านการ์ตูนภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษา

หรือทำอย่างอื่นไปก็ได้ ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรไร้สาระในเวลานั้นยังดีกว่าอีก..

ฟิสิกส์..เรียนกับลุง พ่อเล่นบอกให้ลุงยัดผมหนึ่งชม. หนึ่งบท.. ใครมันจะไปเทพเรียนกันได้เล่า.. ฟิสิกส์นะโว้ย..

ส่วนเคมี

ไม่รู้ทำไม

ผมเล่นสติไม่อยู่กับตัวเองทุกๆ สิบวิ

จนเป็นกันไม่ต้องเรียนกันไป

(เเต่นี้ไม่ใช่ปัญหาของเลข เพราะครูเลขผม เล่นเช็คว่าผมมีสติอยู่ไหมทุกๆ ห้าวิ ==)

วันนี้กลับมาก็เห็นกองกระดาษหน้าคอมผมเกี่ยวกับ จะเรียนคณะอะไรดีที่มหาลัยไหนดีอานนะ

ตอนเเรก็คิดจะอ่านอยู่หรอก

เเต่ก็ไม่ได้อ่าน

เพราะผมคิด

ยังไงๆ พ่อเเม่ก็คงยัดให้เรียน

ถึงผมอยากไปทางไหน เป็นอะไร พ่อเเม่ก็คงห้าม (ยกเว้นเข้าได้ที่นั้นทีเดียว)

มันน่าเบื่อจริงๆ

ผมเบื่อตัวเองด้วย

กับเวลาที่ตัวเองเสียไป

โดยเฉพาะการที่โง่ไปปิดกั้นตัวเองจากทุกอย่างตอนย้ายมาโรงเรียนใหม่

ถ้าผมได้พบเธอปีเเรก

พวกเราคงมีเวลากันมากกว่านี้..

ผมเสียใจจริงๆ ...

Friday, April 2, 2010

งานหนังสือ the 2nd

ไปงานหนังสือมาอีกเเว้ว.. (บอกเเว้ว...ว่างานหนังสือเเต่ละรอบจะไปอย่างต่ำ 2 ครั้ง >_>")

ฮ้า..ซื้อของมาไม่ครบอีกเเล้ว.. (งบหมด) เเถมตอนไปถึงที่งานทำ ลิสท์หนังสือที่อยากได้หายอีก -*-""

วันนี้เอาเป๋ไปใบเดียว..เเต่ยัดเต็มที่.. (พรุ่งนี้ปวดหลังเเน่ๆ เลย)


เปิดออกมา... ไม่มีที่เหลือเลย..


เมื่อเอาของออกมาทั้งหมด.. (มันดูสูงกว่าเป๋อีก..)


กองหนังสือ... ในที่สุดก็ได้ eye shield 21 มา.. เเต่ขาดเล่ม 2 กับ 13 - -***


และนี้..กองหนังสือที่ไม่ได้รับการห่อปก..เเละ..กำลังหาที่ๆ จะเก็บในตู้อยู่ OTL


ล่าสุดร้านที่เคยไปซื้อปกเป็นประจำ..ทำผิดพลาดซะเเล้ว =w=+

ผมซื้อร้านนี้มา 3 ปีกว่าๆ ซื้อปกไว้สามขนาด (ขนาดสำหรับ มังกะ นิยาย เเละหนังสือเกมส์) ซึ้งตอนเเรกๆ คิดผมเเผ่นละ 5 บาท (ปกเขาดีนะหนาเเล้วก็ทนทานดี) เเต่ผมซื้อทียกเเพ็ค 50 ใบเลยเหลือเเผ่นละ 4 บาท..

ณ ปัจจุบันมันกลายเป็นเเผ่นละ 7 บาท... (ขึ้นมาโค ตะ ระ เยอะ) ผมต่อเหลือ 6 บาทบ้าง.. บางทีก็ได้ 5 บาท.. (ชอบเลขห้าจริงๆ ให้ตายสิ)

เเต่เมื่อวันก่อน.. เขาให้ปกผมเเบบเเพ็ค 50 ใบตามปกติ.. เเต่พอเอากลับมาดูที่บ้าน..
มันมีบัตรเสียบของผู้ผลิตปกด้วย.. โดยมีช่องให้กาข้างๆ เลข 100 กับ 200 เเละมีเบอร์ติดต่อเรียบร้อย
เดี๋ยวผมจะโทรไปสอบถามว่าจะส่งที่บ้านไหม เเล้วจะสั่งเยอะๆ ชนิดให้เขาลดเยอะๆ เลย จะได้ไม่ต้องไปพึ่งไอ้ร้านนั้นอีกต่อไปเเล้ว ว่ะ ฮ่ะๆๆๆ -A-""

....

ช่วงนี้เครียดลึกๆ แฮะ..(รู้นะว่าคนอื่นเครียดกว่า..เราคงถือว่าเราเครียดน้อยสุดเเล้วละ) อยากเลิกเรียนพิเศษ รู้สึก 5 ปีที่ผ่านมานอกจากวิชาเลขที่เรียนกัยครูแขกเเล้วอย่างอื่นเสียเวลาสุดๆ

โดยเฉพาะเมื่อตอนอยู่ม.3 ตอนปิดเทอม นอกจากต้องมาเรียนซัมเมอร์ที่โรงเรียนทุกวันเเล้ว วันเสาร์อาทิตย์ต้องไปเรียนพิเศษ..ตอนแปดโมงเช้าถึงสามทุ่มอีกด้วย..
ตอนเเรกไม่ได้คิดอะไร..ก็ทำตามพ่อเเม่สั่ง


ต่อมา..ไม่มีอะติดหัวกลับบ้านเลย (ใครจะไปเรียนรู้เรื่องว่ะ ของฝั่งไทย เเถมหลักสูตรม.ปลาย)

ตอนนี้..เพื่อนๆ รอบข้าง มีความรู้สึกพวกเขารู้อะไรเยอะจังเลย.. ผมมัวเเต่ทำอะไรนะ.. รู้สึกโง่จริงๆ ที่ไม่มีความรู้ด้านใดด้านหนึ่งที่ชัดเจน หรือพอจะรู้เท่าพวกเขาเลย..
ตอนเเรกผมนึกสงสัย..พวกเขาเอาเวลาที่ไหนทั้งเรียนก็ดี เเล้วก็ไปรู้จักพวกการ์ตูนพวกนี้นักนะ (ไปร้านหนังสือ หรือเเม้นกระทั้งงานหนังสือ ไม่มีเรื่องไหนไม่เคยผ่านสายตาพวกเขา..คิดดูดิ..)


ตอนนี้รู้เเล้ว.. ก็เวลาที่ผมโดนเเม่จับยัดเรียนพิเศษเอย...เวลาสอบที่พ่อเสียเวลาเอยไง.. (อย่างอื่นไม่ว่า เเต่ขอด่า gat pat ทีเถอะ สอบที 12 ชม. ไม่ต้องทำอะไรกันพอดีทั้งวัน)

เฮ้อ.. ผมบอกพ่อเเม่ผมจะเข้า BSAC (เคมีประยุกธ์) พวกเขาก็.. ผมนึกว่าพวกเขาจะดีใจอย่างน้อยผมก็มีเป้าหมายเเล้ว..ดีกว่าเเต่ก่อนไม่มี.. เเต่ก็เอาเข้าไป..อยากให้เป็นวิศวะ...หรือหมอ


ทำไมอะไรๆ ก็ต้องวิศวะๆ หรือหมอนะ.. โดยเฉพาะหมอเนี่ย..ถ้าเลือกได้ขอไปเป็นหมอสัตว์ดีกว่า สมัยนี้มีหลายคนมันต่ำชั่วกว่าสัตว์อีก ไม่อยากไปรักษามนุษย์อันโลภมากหรอก (ด่าตัวเองด้วยนะเนี่ย ==)

เขาบอกจบคณะวิทย์หางานทำยาก

...

ไม่รู้จะพูดไงเเล้ว


..............

เมื่อวานอีก..


เจ็บจริงๆ

มันเป็น April Fool's Day

เกิดมายังไม่เคยโดนใครเล่นวัน April Fool

เมื่อวานโดนเพื่อนเข้าไป

"เราเกลียด เเก" (พูดเน้นเเถมช้า..)


เพื่อนสนิทซะด้วย

ไม่อยากจะบอกเลย ผมน่ะแอบร้องไห้ไปในใจเเล้วก็คิดว่าเราทำอะไรไปบ้าง?? ที่ทำให้เขาเกลียดเรา


เเล้วจู่ๆ มันก็บอก April Fool's Day!

หนอย..อยากจะตบกะบาลมันแรงๆจริงๆ =*=

เจ็บนะโว้ย..ไอ้นี้นิ..


เเต่ผมก็..กลับมาคิด..พยายามไม่โกรธ..คิดซะว่าก่อนหน้านี้ผมก็พูดอะไรรุนเเรงไปมากอยู่เหมือนกัน (ไม่รู้พี่เเกจะถือสาไหม เเต่ผมรู้สึกผิดที่บางทีผมพูดอะไรเเรงไป)


เฮ้อ -- ดีนะที่เป็นหมา..ยังมีคนมาลูบหัว..

ปล. หลักๆ เวลาหมาเรียกร้องความสนใจจะมีสาเหตุอยู่สองอย่าง: 1. หิว 2. อยากให้เล่นด้วย

...

(เเล้วจะเขียนบอกทำไมเนี่ย =[]=")
ปล2. ................ รู้สึกตัวเองไม่โตซะที.. บอกพ่อไปสองอาทิตย์ก่อนให้เลิกยุ่งเรื่องสมัครสอบได้เเล้ว.. เเต่ตอนนี้..สรุปตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่ดีนั้นเเหละ.. ทำไมนะ..ปัญาตัวเองกับครอบครัวมันยังหนักไม่พอหรอไง หรือว่าตัวเองสบายมากๆๆๆ เเต่เกิดจนไม่รู้จักทำอะไร? เอ๊ะ.. รู้ก็รู้..ทำไมไม่ทำซะทีนะ.....